การเปลี่ยนแปลงแบบพลวัตในองค์กรธุรกิจ ทำให้ CFO ต้องปฎิรูปบทบาทหน้าที่ของตนใหม่ ในการบูรณาการเชื่อมโยงการเงินและห่วงโซ่อุปทาน ไม่ใช่เพียงแค่สมควรทำ หากแต่เป็นไฟลท์บังคับ
องค์กรต่างๆ ทั่วเอเชียแปซิฟิกสามารถยืนหยัดต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังการแพร่ระบาดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บทวิจัยของการ์ทเนอร์พบสิ่งที่น่าทึ่งว่า CFO ในหลายองค์กร ให้ความสนใจกับการเติบโตขององค์กรมากเสียกว่า CEO ซึ่ง CFO เป็นหัวหอกสำคัญการเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอล (Digital Transformation) ทั่วทั้งองค์กร
การปรากฎขึ้นของ ‘ดิจิทัล CFO‘ บ่งบอกถึงความสำคัญของความสามารถในการคาดการณ์ หรืออย่างน้อยที่สุดความสามารถในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้อย่างรวดเร็วขององค์กร เมื่อ CFO และห่วงโซ่อุปทานมีความสอดคล้องกันในเชิงกลยุทธ์ การปรับเปลี่ยนอุปสงค์ของตลาดหรือการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานจะสามารถปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยองค์กรสามารถบ่งชี้ถึงความเสี่ยงและโอกาสที่จะขึ้นผ่านการสร้างแบบจำลองที่ทรงประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น
กระแสภาวะเศรษฐกิจชี้ให้เห็นว่าปี 2567 จะยังคงความท้าทายให้กับองค์กรต่างๆ ทั่วเอเชีย ความสามารถในการตอบสนองอย่างรวดเร็วขององค์กรจึงเป็นสิ่งสำคัญ
เศรษฐกิจยุคใหม่ต้องการความคล่องตัวและวิสัยทัศน์
ซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มธุรกิจแบบดั้งเดิมมักจะขาดความยืดหยุ่นและข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นต่อการตอบสนองกับเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้านการเงินและการจัดการห่วงโซ่อุปทาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อ CFO และทีมห่วงโซ่อุปทานทำงานร่วมกันสอดผสานเป็นหนึ่งเดียว จะนำไปสู่การพัฒนาแผนปฏิบัติการที่ปรับจนได้ประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อขับเคลื่อนการลดต้นทุนอย่างยั่งยืนและการเติบโตของผลกำไรผ่านโมเดลแบบจำลองการวางแผนที่สมบูรณ์ที่สุด
คำถามเช่น:
องค์ประกอบที่สำคัญที่สุด? ความสามารถในการควบคุมและใช้ประโยชน์ข้อมูลภายในองค์กรเพื่อวางแผน ทดสอบความเป็นไปได้ของแผน และปฎิบัติตามแผนที่วางไว้
นตอนที่ยุ่งเหยิง: เหตุใดซอฟต์แวร์วิเคราะห์และวางแผนจึงเหมาะกว่าสเปรดชีตที่เรียบง่าย
องค์กรหลายแห่งพึ่งพา Excel และ “ขั้นตอนที่ยุ่งเหยิง” ของพวกเขาในการดึงข้อมูลจากระบบที่แตกต่างกันในการวางแผน มันค่อนข้างง่าย แต่ก็ไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ยุ่งยากในการจัดการ และมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ
แพลตฟอร์มการวิเคราะห์การวางแผนบรรลุประโยชน์สองประการ: สามารถรวบรวมข้อมูลจากระบบที่มีอยู่แบบกระจัดกระจายแยกส่วนกัน และช่วยให้ CFO และผู้บริหารห่วงโซ่อุปทานได้รับข้อมูลข้ามสายงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ที่ได้มีมากกว่าประสิทธิภาพ ความสามารถในการเร่งการจัดทำรายงานจากสัปดาห์เป็นวันสนับสนุนความคล่องตัวที่มากขึ้น เช่นเดียวกับการลดข้อผิดพลาดจากข้อมูล
นี่ไม่ใช่แค่ประโยชน์ด้านประสิทธิภาพภายในเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันในตลาด จากความสามารถในการปรับกลยุทธ์ทางการเงินให้เข้ากับความเป็นจริงด้านห่วงโซ่อุปทานได้อย่างรวดเร็ว ทำให้องค์กรแตกต่างเหนือชั้นกว่าองค์กรทั่วไป คือสามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางธุรกิจ ไม่ใช่เพียงแค่การอยู่รอดทางธุรกิจ
ดิจิตอล CFO: ผู้นำพาองค์กรก้าวสู้เส้นทาง Digital Transformation
ทำลายภาวะไซโลขององค์กร: Digital CFO จะเป็นกำลังสำคัญในการหยุดภาวะไซโลขององค์กร และเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงข้อมูลได้แบบทั่วทั้งองค์กร ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งองค์กร
คิดเหมือนทีมผลิตภัณฑ์: บุคคลากรการเงินยุคใหม่จำเป็นต้องนำความคล่องตัว และกรอบความคิดเชิงนวัตกรรมแบบทีมผลิตภัณฑ์มาใช้ ผ่านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อสร้างแบบจำลองทางธุรกิจ และการตัดสินใจที่รวดเร็ว โดยมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ของลูกค้า
การเพิ่มความคล่องตัว: การสร้างแบบจำลองการพยากรณ์ปัจจุบัน (Nowcasting): แนวคิดnowcasting – การวิเคราะห์และคาดการณ์ตามข้อมูลปัจจุบัน – กำลังกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ ดิจิทัล CFO แนวคิดนี้ให้ความสำคัญกับการวางแผนและรายงานโดยใช้ข้อมูลล่าสุด โดยพิจารณาถึงลำดับความสำคัญและโอกาสทางธุรกิจ แทนที่จะอาศัยข้อมูลย้อนหลังในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
การวางแผนกำลังคนเป็นกลยุทธ์หลัก: การวางแผนกำลังคนอย่างมีประสิทธิภาพมีความสำคัญต่อบทบาทความรับผิดชอบของบุคคลกรการเงิน และฝ่ายการเงินจำเป็นต้องคล่องตัวและเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เพื่อให้องค์กรสามารถสร้างแบบจำลองและการคาดการณ์ผลกำไร กระแสเงินสด และกำลังการผลิตที่แม่นยำ
ทำความคุ้นเคยกับสิ่งไม่คุ้นเคย: ได้แก่ระบบการเงินอัตโนมัติ ข้อตกลงการจ้างงานแบบใหม่ และการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งจำเป็นต้องเปลี่ยนกรอบความคิดและเปิดรับเทคโนโลยี และกลยุทธ์การทำงานแบบใหม่ๆ
ออกแบบกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านโดยพิจารณาจากบทบาทใหม่ของฝ่ายการเงิน: ดิจิตอล CFO มีหน้าที่ในการสร้างภาพลักษณ์ของฝ่ายการเงินแบบใหม่ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล คน โซลูชั่น และกลยุทธ์ จะต้องทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์ฝ่ายการเงินยุคดิจิทัลแห่งอนาคต
ดิจิตอล CFO: ผู้นำพาองค์กรก้าวสู่เส้นทางดิจิตอลแห่งอนาคต
บทบาทของ CFO มีความสำคัญมากกว่าที่เคยในการชี้แนะให้แนวทางองค์กรในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล การบูรณาการเชื่อมโยงแผนทางการเงินและห่วงโซ่อุปทานเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการเติบโตในโลกที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความร่วมมือระหว่าง CFO และทีมซัพพลายเชนถือเป็นสิ่งสำคัญในฟันฝ่าอุปสรรคที่ทั้งสองฝ่ายต่างต้องเผชิญร่วมกัน พีเอ็มสแควร์ (ประเทศไทย) ส่งมอบประสิทธิภาพทางธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ด้วยการทำงานร่วมกัน ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ (Subject Matter Experts) ของพีเอ็มสแควร์และลูกค้า ด้วยประสบการณ์ข้ามชาติและในประเทศของเรา ผนวกกับความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม เราดำเนินธุรกิจทั่วเอเชียแปซิฟิก โดยมีทีมงานในประเทศไทย สิงคโปร์ อินเดีย ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ทีมที่ปรึกษาระดับโลกของเราจะช่วยให้องค์กรของคุณเกิดการเปลี่ยนแปลงและการเปลี่ยนผ่านในห่วงโซ่อุปทาน การจัดการข้อมูล FP&A การบริหารจัดการโครงการ และการบริการช่วยเหลือสนับสนุนด้านเทคนิค
