ผู้จัดการฝ่ายการเงินจะไม่ต้องทำแผนเองเพียงลำพังอีกต่อไป และเวลาอันยาวนานที่ต้องเสียไปกับการประชุมในวาระการเงินและงบประมาณจะหายไป ฝ่ายการเงินควรจะเป็นศูนย์กลางของทุก ๆ การตัดสินใจสำคัญ เพื่อให้รายละเอียดถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดจากการตัดสินใจสำคัญทางธุรกิจในแต่ละครั้ง
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายการเงินส่วนใหญ่ยังคงใช้แพลตฟอร์มเอกเซลสเปรดชีตอยู่ ทำให้การจัดทำแผนใช้เวลานานและซับซ้อนยุ่งยาก ส่งผลให้องค์กรทำการตัดสินใจได้ช้า ไม่ทันกับสถานการณ์ธุรกิจที่ส่งผลกระทบองค์กร องค์กรในลักษณะดังกล่าวมักจะวางแผนลงรายละเอียดแบบล่างขึ้นบน (bottom-up plan) ที่กินเวลายาวนานมากถึง 6 เดือนในการวางแผนแต่ละรอบ ซึ่งกว่าจะได้แผนที่แล้วเสร็จ แผนดังกล่าวก็ล้าสมัยไม่ทันต่อเหตุการณ์แล้ว สุดท้ายก็ต้องมาเสียเวลายาวนานเพื่อปรับแผนใหม่ เป็นวงจรซ้ำ ๆ อย่างนี้
ด้วยสภาวะตลาดที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วฉับพลัน ส่งผลให้ธุรกิจของคุณต้องมีความคล่องตัวในการดำเนินงานเพื่อคงไว้ซึ่งการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว คุณต้องยุติกระบวนการเก็บและรวบรวมข้อมูลแบบเดิมๆ แล้วหันมาใช้การประมวลผลแบบอัตโนมัติเพื่อประเมินว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้า (What-if)” และการวางแผนแบบจำลองสถานการณ์ (scenario planning) ซึ่งใช้เวลาประมวลผลเพียงระดับนาที เพื่อให้คุณเห็นผลลัพธ์การวิเคราะห์และวางแผนให้เกิดความคล่องตัวและความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในปัจจุบัน
โชคดีที่องค์กรในยุคใหม่ตระหนักว่าแผนที่มีประสิทธิภาพจำเป็นมาจากการใช้ข้อมูลล่าสุดที่เชื่อมโยงและถูกต้อง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการตัดสินใจขององค์กร เพื่อผลสำเร็จอย่างยั่งยืน พีเอ็มสแควร์จะช่วยธุรกิจของคุณด้วยการบูรณาการสี่ปัจจัยสำคัญให้เข้ากับรูปแบบการวางแผนของคุณ ดังต่อไปนี้: