วิธีประมาณการที่ปรับตามสถานการณ์ปัจจุบัน (Rolling Forecast) ถูกพูดถึงครั้งแรกในฐานะ “เป็นมากกว่าการจัดทำงบประมาณ (beyond budgeting)” ในช่วงต้นยุค 90 ซึ่งเป็นโซลูชันที่เอื้อให้ผู้จัดการฝ่ายการเงินสามารถคาดการณ์ปัจจัยในระยะสั้นที่จะส่งผลต่อผลประกอบการ โดยพิจารณาจากผลประกอบการและตัวเลขที่บริษัททำได้ล่าสุด
เป็นวิธีทางเลือกที่เข้ามาทดแทนกระบวนการจัดทำงบประมาณประจำปีที่ต้องใช้เวลานาน รวมศูนย์มากเกินไป ส่งผลให้ได้ตัวเลขประมาณการที่ล้าสมัย ไม่ทันต่อเหตุการณ์ และการกำหนดตัวชี้วัดและผลตอบแทนที่ตายตัว 86% ขององค์กรส่วนใหญ่พบว่าฝ่ายการเงินยังเป็นเจ้าของกระบวนการธุรกิจหลักที่สำคัญๆ อยู่ ด้วยเหตุนี้ นักวิเคราะห์มากกว่า 60% จึงทำได้แต่ดูผลลัพธ์ทางการเงินมากกว่าจะพิจารณาตัวชี้วัดอื่นๆในองค์กร
การจัดทำงบประมาณประจำปีคือการย้อนดูค่าใช้จ่ายทั้งหมดเมื่อปีที่แล้ว จากนั้นหัวหน้าแผนกก็จะคาดเดาเอาว่าจะยังอยากจะของบประมาณค่าใช้จ่ายนั้นๆ อยู่หรือไม่
ในทางตรงกันข้าม การประมาณการทำให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจที่จะปรับเปลี่ยนการจัดสรรทรัพยากร ต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตหรือไม่ จากการพิจารณาข้อเท็จจริงล่าสุดขององค์กร
งบประมาณประจำปีส่งเสริมให้ผู้จัดการใช้เงินทุกบาททุกสตางค์จากงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะได้รับงบประมาณในจำนวนเท่าๆ กันในปีต่อไป ทำให้มีการใช้งบประมาณมากจนเกินไป ในขณะที่ขาดการบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ในทางตรงกันข้าม วิธีประมาณการที่ปรับตามสถานการณ์ปัจจุบัน (Rolling Forecast) ทำให้ผู้จัดการคาดการณ์อนาคตได้จากค่าใช้จ่ายจริงในช่วง 12 เดือนก่อนหน้า ช่วยให้ผู้บริหารมีมุมมองเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับความผันผวนตามฤดูกาลและแนวโน้มตลาดในปัจจุบัน เพื่อช่วยให้บริหารจัดการกระแสเงินสดและรับมือกับความคาดหวังของผู้ถือหุ้นได้ดียิ่งขึ้น
ในอดีต การประมาณการที่ปรับตามสถานการณ์ปัจจุบัน (Rolling Forecast) เคยถูกนำมาใช้ในการติดตามรายงานทางการเงินและแนวโน้มของตลาด เป็นต้น เคยเป็นวิธีที่ต้องใช้เวลานานและต้องอาศัยนักบัญชีที่คอยอัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
การประมาณการที่ปรับตามสถานการณ์ปัจจุบัน (Rolling Forecast) ในทุกวันนี้แตกต่างจากเดิมอย่างมากโดยถูกสร้างขึ้นไว้ในแพลตฟอร์มอัตโนมัติที่อัปเดตได้ในทันทีเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยต่างๆ ทำให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอจนกว่าจะถึงปีงบประมาณถัดไป
และเนื่องจากเป็นการใช้ข้อมูลล่าสุด การประมาณการที่ปรับตามสถานการณ์ปัจจุบัน (Rolling Forecast) ช่วยให้คุณสามารถสร้างสถานการณ์จำลอง (what-if simulation) เป็นพันๆ สถานการณ์ได้ตามที่ต้องการ เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการประมาณการที่ปรับตามสถานการณ์ปัจจุบัน (Rolling Forecast) ว่าสามารถช่วยคุณประหยัดเวลาและเงินได้อย่างไรบ้าง เพราะคุณสามารถปรับค่าใช้จ่ายและต้นทุนในปัจจุบันได้ตามข้อมูลอัปเดตล่าสุดด้วยแพลตฟอร์มที่คล้ายกับสเปรดชีต Excel นอกจากนี้ Rolling Forecast ยังมีประโยชน์ในการช่วยลดความผิดพลาดในการคำนวณของคุณด้วย
Excle กลายเป็นเครื่องมือหลักในการจัดทำรายงานและงบประมาณมาเป็นเวลาหลายปี ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ได้รับความไว้วางใจและน่าเชื่อถือในการใช้ทำงานตามวัตถุประสงค์ของโปรแกรมที่ถูกออกแบบมา อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการใช้งานนอกเหนือไปจากนั้น Excel มีข้อเสียมากมายหลายจุด เช่น ไม่สามารถทำงานร่วมกันหลายคนได้ ไม่สามารถควบคุมเวอร์ชันในการวางแผน ใช้เวลานานในการปรับปรุงและอัปเดตข้อมูล ไม่สามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดได้ การรายงานแบบกระจัดกระจาย ขาดการวิเคราะห์เจาะลึกข้อมูล และข้อมูลระหว่างสเปรดชีตไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างสมบูรณ์
1. ตั้งเป้าหมาย:
การมีเป้าหมายจะช่วยให้คุณเข้าใจกระบวนการวางแผนและกลยุทธ์เพื่อนำทางให้คุณไปในทิศทางที่ถูกต้อง
2. กำหนดช่วงเวลาสำหรับการจัดทำ Rolling Forecast:
เลือกช่วงเวลาสำหรับการประมาณการแบบ Rolling Forecast ตามวัฏจักรและความต้องการของธุรกิจคุณ ถ้าคุณต้องการประมาณการในทุกๆ ไตรมาสหรือต่อเดือน ให้ยึดมั่นตามนั้น
3. กำหนดช่วงเวลาเพื่อนำมาเปรียบเทียบ:
ต้องแน่ใจว่าช่วงเวลาที่ใช้ในการเปรียบเทียบ rolling forecast นั้นสามารถเทียบกันได้ เช่น เดือนปัจจุบันกับเดือนที่แล้ว หรือไตรมาสปัจจุบันกับไตรมาสที่แล้ว
4. แยกโครงการลงทุนและโครงการเชิงกลยุทธ์ออกจากการประมาณการของคุณ:
โครงการลงทุนและโครงการเชิงกลยุทธ์มีตัวแปรและปัจจัยที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจไม่สอดคล้องและเหมาะกับช่วงระยะเวลาการประมาณการ ซึ่งส่งผลต่อความถูกต้องของประมาณการ
5. การพัฒนาและใช้ระบบแบบค่อยๆ เพิ่มเข้าไป:
การนำการประมาณการแบบ rolling forecast ไปปรับใช้ในองค์กรต้องอาศัยเวลา พยายามพัฒนาระบบแบบเพิ่มขึ้นทีละขั้นตามระยะเวลาพัฒนาระบบที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยค่อยๆเเปลี่ยนแปลงกระบวนการไปทีละแผนกจนทั่วองค์กร
6. ยึดประมาณการของคุณเป็นตัวตั้งต้น:
สิ่งนี้จะช่วยคุณรู้ว่าผลต่างและแนวโน้มต่างๆ จะส่งผลกระทบในเชิงบวกหรือเชิงลบอย่างไรบ้าง การวางกรอบแนวทางไว้ล่วงหน้าเพื่อจัดการกับผลต่างและความผันผวนจะช่วยให้คุณตัดสินใจสั่งการได้อย่างรวดเร็ว และเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น
7. เชื่อมโยงประมาณการเข้าไว้กับกลยุทธ์ของคุณ:
องค์กรมักจะประสบปัญหาในการจัดเปลี่ยนเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในระยะสั้น ให้เป็นตัวเลขประมาณการ การประมาณการจะช่วยให้หยั่งรู้แนวโน้ม ต้นทุน ทรัพยากร และปัจจัยอื่นๆ ที่จะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร
Cornerstone เป็นบริษัทให้คำปรึกษาชั้นนำด้านการบริหารจัดการประสิทธิภาพขององค์กรในประเทศออสเตรเลียและในประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยบริษัทเป็นพาร์ทเนอร์ระดับแพลทินัมของ IBM ที่เพิ่งได้รับรางวัล IBM’s Top Cloud and Cognitive Partner ระดับภูมิภาค และเป็นบริษัทให้คำปรึกษาเดียวในประเทศออสเตรเลียที่มุ่งเน้นด้านการบริหารจัดการผลการดำเนินงานทางการเงินและการวิเคราะห์เชิงธุรกิจ ติดต่อ Cornerstone วันนี้เพื่อแนะนำและสาธิต Rolling Forecast แบบอัตโนมัติว่าจะช่วยองค์กรของคุณได้อย่างไร
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional". |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other. |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |
[hubspot type=form portal=2383378 id=6b773102-de9a-4e8c-86ad-af3f7fea5f47]