ขอขอบคุณทาง Anaplan Partner Community และบริษัท Onduline ที่ได้เผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้
บริษัท Onduline ผู้นำทางด้านการผลิตหลังคาน้ำหนักเบามีความจำเป็นที่จะต้องคิดแผนการ, การบริหารทางด้านการเงิน และการจัดการ supply chain ให้ดีกว่าเดิม ซึ่งทางบริษัทได้มีโรงงานถึงแปดแห่งและยังมีตลาดอีกหลายสิบที่ที่จะต้องพยายามในการส่งมอบมูลค่าสูงสุด ภายใต้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความซับซ้อนในปัจจุบัน ด้วยความร่วมมือกับทางบริษัท Anaplan ผู้ซึ่งมีเทคโนโลยีที่สามารถดูข้อมูลทางด้านการเงิน, สินค้าคงคลัง และตัวชี้วัดผลงานของการผลิต (Manufacturing KPIs) แบบเรียลไทม์ รวมถึงยังมีความสามารถในการวิเคราะห์ได้อย่างรวดและแม่นยำอีกด้วย
การที่เรามีตัวชี้วัด (KPIs) ที่แม่นยำนั้นทำให้เราสามารถตรวจสอบกิจกรรมและผลลัพธ์ในทุกระดับกับทาง Anaplan ได้ – กล่าวโดย แม็กซิม เฟิร์ต (Maxime Firth) ผู้ควบคุมขององค์กร
หลังคานั้นมีหน้าที่ที่เรียบง่ายซึ่งก็คือการปรับและรักษาสภาพอากาศ แต่ธุรกิจการทำหลังคากลับไม่ได้เรียบง่ายเช่นนั้น บริษัท Onduline เป็นผู้นำทางธุรกิจหลังคาน้ำหนักเบา ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส และมีโรงงานถึงแปดแห่งในสี่ทวีป รวมถึงยังมีบริษัทย่อยเชิงพาณิชย์ถึง 32 แห่งใน 43 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งในแต่ละปีนั้นทางบริษัทยังสามารถทำการผลิตได้สูงถึง 150 ล้านตารางเมตร (1.6 พันล้านตารางฟุต) เลยทีเดียว
แรงกดดันทางภายนอกนั้นทำให้ธุรกิจนี้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น กล่าวคือธุรกิจนี้จะทำการขายได้เฉพาะในบางฤดูกาลเท่านั้น โดยการผลิตส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในช่วงต้นปีและการขายส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ผลิตภัณฑ์ของ Onduline นั้นได้มีการขายผ่านหลากหลายช่องทาง ทั้งการขายผ่านทางหน้าร้านและการขายส่งสำหรับลูกค้าทางธุรกิจรายย่อย นอกจากนี้ธุรกิจนี้ยังอยู่ภายใต้ความผันผวนของค่าเงินและราคากลางในตลาด โดยเฉพาะช่วงที่มีวิกฤตการเงินในปี 2007-2008
Onduline จึงจำเป็นต้องมีโซลูชั่นที่ช่วยผู้ใช้งานในการวิเคราะห์ วางแผน และจัดทำรายงานทางธุรกิจในหลาย ๆ ประเทศที่มีการดำเนินงาน และเพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยธุรกิจและองค์กร ยิ่งไปกว่านั้น ทางบริษัทยังต้องการระบบที่มีความคล่องแคล่วและสามารถใช้งานได้ง่ายอีกด้วย
Onduline จึงเลือก Anaplan ซึ่งได้มีการร่วมงานกันครั้งแรกในปี 2016 ในโครงการจัดทำงบประมาณและการวางแผนงานของทั้งบริษัท รวมทั้งบริษัทในเครือ และโรงงานทั่วโลกด้วย หลังจากนั้นสองปี ทางบริษัท Onduline ได้มีการขยายโครงการในการวางแผนการขายและแผนการดำเนินงาน (S&OP) เพื่อดูภาพรวมของสินค้าคงคลังและการผลิตทั่วโลกประมาณ 2,500 SKUs ต่อเดือน
ในปัจจุบัน ผู้จัดการของแต่ละประเทศสามารถคาดการณ์ยอดขายและยอดซื้อรายเดือนในระบบของ Anaplan ได้ ซึ่งการคาดการณ์เหล่านี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนด้านการผลิตสินค้าในโรงงาน “มันดีกว่าถ้าเราสามารถรู้ถึงความต้องการในตลาดก่อนที่เราจะตัดสินใจผลิตของชิ้นหนึ่งออกมา” Firth กล่าว “และ Anaplan ช่วยให้เราสามารถทำตามที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย” แผนการผลิตต้องคำนึงถึงตัวแปรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราคากลางในตลาด อัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงิน ต้นทุนแรงงาน สภาพทางภูมิศาสตร์ และความสามารถในการผลิตของแต่ละโรงงาน
ในทางกลับกัน ตัวชี้วัดทางการเงินต่าง ๆ เช่น รายได้ ส่วนต่าง กำไรก่อนหักภาษี งบดุล และกระแสเงินสด ก็พร้อมสำหรับนำไปใช้งานทุก ๆ สิ้นเดือน การวางแผนงานต้องเกิดจากการทำงานและบริหารงานร่วมกัน ซึ่งปรับเปลี่ยนไปตามองค์กร ตลาด ไปจนถึงระดับประเทศตามลำดับ “การกำหนดตัวชี้วัด (KPIs) กับ Anaplan ได้อย่างแม่นยำทำให้สามารถตรวจสอบกิจกรรมและผลลัพธ์ในทุกระดับได้อย่างมีประสิทธิภาพ” Firth กล่าว ซึ่งตัวชี้วัด (KPIs) เหล่านี้รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่แยกตามระดับของตลาดและผลิตภัณฑ์ ระยะเวลาในการเก็บหนี้แบบถัวเฉลี่ย (Days Sales Outstanding – DSO) แยกตามระดับของตลาดและภูมิภาค ราคาขายเฉลี่ย (Average Selling Price – ASP) แยกตามระดับของตลาด ช่องทางในการขายและผลิตภัณฑ์ รวมถึงระยะเวลาขายสินค้าเฉลี่ย (Days Inventory Outstanding – DIO) แยกตามระดับของประเทศ
นอกเหนือที่กล่าวมาทั้งหมด ตอนนี้บริษัท Oduline ยังได้ใช้ระบบ Anaplan ในการสร้างสถานการณ์ “what-if” ด้วย ตัวอย่างเช่น ดูอัตราแลกเปลี่ยนหรือความผันผวนของวัตถุดิบว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้อย่างไรบ้าง ซึ่งระบบสามารถทำงานเพื่อรับมือกับต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที ตัวอย่างเช่น เมื่อมีการเกิดวิกฤตการณ์จากการระบาดของไวรัสโคโรน่าในช่วงต้นปี 2020 ทางบริษัทสามารถปรับการรายงานอย่างรวดเร็ว “CEO ของบริษัทเราต้องการที่จะได้อ่านรายงานยอดขาย ยอดสินค้าคงคลัง และยอดกระแสเงินสดในทุก ๆ สัปดาห์” Firth กล่าว “การทำงานบนระบบง่ายมาก โดยสามารถทำได้ด้วยตนเองทั้งหมด โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาที่ปรึกษาเลย” โดยการเปลี่ยนแปลงจากการจัดทำรายงานประจำเดือนมาเป็นประจำสัปดาห์ทำให้ Onduline ทำการตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าควรจะชะลอหรือหยุดการผลิตชั่วคราว หรือควรกลับมาผลิตใหม่อีกครั้งเมื่อไหร่ ผ่านการวิเคราะห์จากสภาพเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค
ศักยภาพในการตรวจสอบและการดำเนินการได้อย่างรวดเร็วมีส่วนสำคัญที่ทำให้องค์กรสามารถประสบความสำเร็จได้ ท่ามกลางสภาวะที่มีความผันผวนทางธุรกิจ ตามที่ Firth ได้กล่าวไว้ว่า “เราโชคดีที่ Anaplan ช่วยเปลี่ยนโลกของ Oduline ให้เปลี่ยนไปตลอดกาล”